เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568)กรุงเทพมหานคร (กทม.) เริ่มปรับโครงสร้างค่าโดยสาร รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย เป็นวันแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เก็บในอัตรา 15 บาทตลอดสาย มานานหลายปี
การปรับครั้งนี้จะเปลี่ยนมาเก็บค่าโดยสาร ตามระยะทางจริง ครอบคลุม 3 เส้นทาง คือ
- หมอชิต (N8) – คูคต (N24)
- อ่อนนุช (E9) – เคหะฯ (E23)
- วงเวียนใหญ่ (S8) – บางหว้า (S12)
อัตราค่าโดยสารใหม่
- บัตรเที่ยวเดียว และบัตรแรบบิทบุคคลทั่วไป: 17 – 45 บาท
- นักเรียน/นักศึกษา: 12 – 32 บาท (ลด 30%)
- ผู้สูงอายุ: 9 – 23 บาท (ลด 50%)
- กรณีเชื่อมต่อกับสถานีหลัก: คิดรวม แต่ไม่เกิน 65 บาทต่อเที่ยว
“ชัชชาติ” ชี้ ปรับโครงสร้างเพื่อความยั่งยืน
นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กทม.ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถให้เอกชนปีละราว 8,000 ล้านบาท แต่เก็บค่าโดยสารได้เพียง 2,000 ล้านบาท ทำให้ขาดทุนเฉลี่ยปีละกว่า 6,000 ล้านบาท
แม้การปรับอัตราค่าโดยสารครั้งนี้จะ ไม่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้ค้างจ่าย แต่ กทม.จำเป็นต้องบริหารอย่างรอบคอบ เพราะเงินชดเชยที่นำมาใช้ล้วนเป็น “เงินภาษีของประชาชน”
การเก็บค่าโดยสารตามระยะทางจึงเป็นแนวทางที่ “สะท้อนต้นทุนจริง” มากขึ้น ผู้โดยสารที่เดินทางระยะสั้นอาจจ่ายถูกลง ส่วนผู้ที่เดินทางไกลจะจ่ายเพิ่มตามระยะทาง แต่ถือเป็นการจัดระบบที่ “ยุติธรรมและยั่งยืน” ต่อทุกฝ่ายในระยะยาว