เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับคณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำโดยนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และคณะ โดยมีทีมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วม
นางศุภจี กล่าวว่า ได้หารือแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือในการรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเกษตรของไทย การป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้า การควบคุมสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐาน การส่งเสริมการค้าและการหาตลาดใหม่ การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยต่อกฎระเบียบการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทย โดยตั้งเป้าหมายให้การเจรจารายละเอียดต่าง ๆ มีข้อยุติภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศได้รับความชัดเจนและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมเน้นให้ทุกภาคส่วนทำการบ้านล่วงหน้า รวมทั้งเตรียมหาตลาดทดแทน และวางกลยุทธ์สินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก
“เราต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน เพื่อให้เกิดกิจกรรมทางการค้าอย่างเป็นรูปธรรมในทุกระดับ เน้นกระตุ้นสั้น ได้ยาว และกระจายตัว โดยยืนยันว่าพร้อมทำงานร่วมกับภาคเอกชนเต็มที่ เพื่อให้ทีมไทยแลนด์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน”นางศุภจีกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการสินค้าข้าว การยกระดับคุณภาพสินค้า การผลักดันเกษตรกรคุณภาพที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกร การศึกษาความต้องการของตลาดโลกเพื่อขยายการผลิตพืชเกษตรที่มีศักยภาพสูง การเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเปิดโอกาสทางการค้าใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทย และสร้างรากฐานเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการส่งออกไปสหรัฐฯ เริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีแล้ว ทำให้การสั่งซื้อสินค้าชะลอตัวลง แต่ภาคเอกชนมั่นใจว่าภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน จะสามารถขับเคลื่อนและบรรเทาผลกระทบได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการเห็น FTA ไทย–เอฟตา มีผลบังคับโดยเร็ว เพื่อปูทางไปสู่การทำ FTA ไทย–สหภาพยุโรป (อียู) ให้สำเร็จ รวมถึงฉบับอื่น ๆ เพราะหากสามารถสรุปผลได้เร็ว จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยได้อย่างมาก ทั้งนี้ ยังได้เสนอให้จัดตั้งคณะทำงานเชิงรุกด้านผลิตภัณฑ์ยางพารา ระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรรับมือภาวะตลาดซบเซา
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวยังเผชิญปัญหาขาดแคลนพันธุ์ข้าวที่ตรงกับความต้องการของตลาดโลก จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และรักษาค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้
น.ส.ปริม จิตจรุงพร ประธานสภาธุรกิจไทย–อินเดีย กล่าวว่า ตลาดอินเดียมีศักยภาพสูงและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง ของตกแต่งบ้าน และอาหาร โดยพร้อมที่จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการค้ากับแต่ละรัฐของอินเดียอย่างเป็นระบบ