
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7 พร้อมคณะนายตำรวจระดับสูง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดีสะเทือนขวัญ พบศพหญิงถูกฆ่าถ่วงปูนในคลองส่งน้ำการประปานครหลวง หมู่ 6 ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ผู้ตายทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.สกุลรัตน์ คำวิลาศ หรือ จัน อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีลูกชายมาแจ้งคนหายไว้ก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่สามารถตามจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว คือ นายศุภโชค ศรีนคร อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 53 หมู่ 3 ตำบลกระตีบ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ตามหมายจับข้อหา ฆ่าผู้อื่นและซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย

ตำรวจระบุว่า คดีนี้มีมูลเหตุจาก ปมชู้สาวและความขัดแย้งทางธุรกิจ โดยผู้ต้องหาและผู้ตายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด และร่วมกันดำเนินธุรกิจร้านกาแฟแบรนด์หนึ่ง แต่เกิดความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ประกอบกับภรรยาหลวงของนายศุภโชคไม่พอใจความสัมพันธ์ จึงนัดเจรจาที่บ้านพัก กระทั่งเกิดการทะเลาะวิวาทรุนแรง
นายศุภโชคกลัวมารดาจะเห็นเหตุการณ์ จึงลากผู้ตายขึ้นรถนิสสัน จู๊ค สีแดง ของผู้ตาย และขับออกไปห่างจากบ้านพักราว 500 เมตร ก่อนใช้สายพัดลมรัดคอจนเสียชีวิต แล้วนำร่างไปมัดถ่วงปูนโยนทิ้งคลองในเขตอำเภอดอนตูม เพื่ออำพรางคดี

ศพหญิงสาวลอยขึ้นมาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน และเพียง 2 ชั่วโมงหลังรับแจ้งเหตุ ตำรวจภาค 7 ก็ระดมกำลังไล่ล่าคนร้าย กระทั่งพบรถต้องสงสัยที่อำพรางทะเบียนท้ายไว้ นายศุภโชคพยายามขับรถหนีด้วยความเร็วกว่า 200 กม./ชม. ในเส้นทางหักศอกกว่า 50 กิโลเมตร แต่สุดท้ายรถเสียหลักชนหลักเขตพลิกคว่ำ ก่อนเจ้าตัวจะถีบกระจกหลบหนีเข้าป่าอ้อย
เจ้าหน้าที่พร้อมชาวบ้านในตำบลหนองโสน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ระดมค้นหาทั้งคืน จนพบผู้ต้องหานอนหมดแรงกลางป่าอ้อยในช่วงสายของวันที่ 7 พฤศจิกายน จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน

เบื้องต้น นายศุภโชค ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่าแค้นผู้ตายที่ “หักหลังธุรกิจ” และกดดันจากภรรยาหลวง จึงก่อเหตุสะเทือนใจดังกล่าว หลังฆ่าเสร็จยังนำทองของผู้ตายไปขายที่ร้านทองในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลนครสวรรค์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามของกลางคืนมาได้ทั้งหมด
สำหรับประวัติผู้ต้องหา เคยมีคดียักยอกทรัพย์เมื่อปี 2552 และคดียาเสพติดเมื่อปี 2554 ก่อนจะผันตัวมาเป็นเซียนพระชื่อดังในพื้นที่นครปฐม

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ภรรยาของผู้ต้องหาได้กันตัวไว้เป็นพยานก่อน หากพบว่ามีส่วนร่วมในการก่อเหตุ จะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น
ภาพ/ข่าว : กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครปฐม
