รองประธานสภาฯพิเชษฐ์ไ่ม่รอดศาลรธน.ตัดสิทธิการเมือง 10 ปี

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดฟังคำวินิจฉัย คดีที่ นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.พรรคประชาชน และ สส.รวม 121 คน (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรง และทางอ้อม

ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และในกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใด ๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง

ทั้งนี้ ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวน 9 ปาก โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาปรึกษาหารือแล้ว มีคำสั่งรับคำแถลงการณ์ปิดคดีของคู่กรณีรวมไว้ในสำนวน และเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง

โดยเมื่อเวลา 15.00 น.ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ว่า ผู้ถูกร้อง คือนายพิเชษฐ์ มีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ให้ สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็นสส. นับจากวันที่ ศาลฯมีคำวินิจฉัย นับจากวันที่ 1 ส.ค.และเป็นวันที่ตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ว่างลง และให้เพิกถอนสิทธิการรับสมัครเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ทั้งนี้ต้องเลือกตั้งแบบแบ่งเขตใน 45 วันนับแต่วันที่ว่างลง

สำหรับ 3 โครงการดังกล่าวประกอบด้วย

– โครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชน ถูกซอยย่อยออกเป็น 7 โครงการ รวมจัดสัมมนา 800 ครั้ง เป้าหมาย 80,000 คน

– โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนถูกแบ่งออกเป็น 2 โครงการ รวมจัดสัมมนา 600 ครั้ง

– โครงการส่งเสริมบทบาทสตรีทางการเมือง กำหนดเป้าหมายการจัดสัมมนา 894 ครั้ง ผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 44,700 คน รวมตามคำขอทั้งหมดจะต้องจัดงานสัมมนา 2,294 ครั้งภายในเวลา 1 ปี