
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 26 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 2 คน ได้แก่ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ และนายณรงค์ รักร้อย หลังคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเรียบร้อยแล้ว โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง
นายปริญญา วงศ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายว่า ทั้งสองผู้ได้รับการเสนอชื่อมีประสบการณ์สูง ทั้งอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดและอดีตปลัดกระทรวง แต่ก็มีข่าวลือว่าผ่านเพียงคนเดียว จึงขอให้ประชาชนติดตามว่าเป็นเพราะเหตุใด พร้อมฝากถึงผู้ได้รับเลือกว่าการดำรงตำแหน่ง กกต. 7 ปี ขอให้ทำหน้าที่เป็น “ขี้ข้าประชาชน ไม่ใช่ขี้ข้าพรรคการเมือง”
ขณะที่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. อภิปรายอย่างเผ็ดร้อนว่า วุฒิสภาไม่ควรลงมติแต่งตั้งบุคคลเข้าองค์กรอิสระในขณะที่ยังมีคดีพัวพันอยู่ และตั้งข้อสังเกตว่ากรรมาธิการสอบประวัติฯ กว่า 13 ใน 15 คน ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี “ฮั้ว ส.ว.” พร้อมชี้ว่าประธานกรรมาธิการเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในปัจจุบัน ซึ่งไม่เหมาะสมทางจริยธรรม
การอภิปรายดังกล่าวนำไปสู่การประท้วงโดยนายประเทือง มนตรี ส.ว. ก่อนที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในขณะนั้น จะสั่งปิดไมค์ของทั้งสองฝ่ายและให้ดำเนินการอภิปรายต่อ
นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ส.ว. กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ได้รับเสนอชื่อควรพิจารณาเรื่องความขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยยกตัวอย่างกรณีอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการ ป.ป.ช. ที่เคยถอนตัวจากคดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางจริยธรรม พร้อมเตือนให้ กกต. ชุดใหม่ยึดบรรทัดฐานความโปร่งใส
ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. ตั้งคำถามถึงผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรอิสระ โดยระบุว่าหาก กกต. ถูกมองว่าเป็น “คนของฝ่ายการเมือง” จะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งและรัฐบาลในอนาคต พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงข่าวลือว่า “อดีตผู้ว่าฯ จะผ่าน เพราะสั่งได้ ส่วนอดีตปลัดกระทรวงจะตก เพราะสั่งไม่ได้”
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวเตือนว่า “กกต. ที่ดีต้องสั่งไม่ได้” และฝากให้ ส.ว. ใช้วิจารณญาณอย่างอิสระ ก่อนที่ประชุมจะเข้าสู่การประชุมลับเพื่อลงมติ
ผลการลงมติลับปรากฏว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ดำรงตำแหน่ง กกต. ด้วยคะแนน 137 เสียง เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ 1 เสียง งดออกเสียง 29 เสียง และเห็นชอบให้นายณรงค์ รักร้อย ดำรงตำแหน่ง กกต. ด้วยคะแนน 135 เสียง งดออกเสียง 32 เสียง โดยไม่มีผู้ลงคะแนนไม่เห็นชอบ
การโหวตครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญของวุฒิสภา ต่อความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อองค์กรอิสระที่จะมีบทบาทสำคัญในการจัดการเลือกตั้งครั้งหน้า