สิ้น”หลวงพ่อสมควร”พระนักพัฒนาแห่งวัดบางปลาชาวบางเลนหลั่งน้ำตาอาลัย

เมื่อช่วงสายวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเลน ได้รับแจ้งเหตุพระมรณภาพภายในกุฏิวัดบางปลา ตำบลบางปลา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม แพทย์โรงพยาบาลบางเลน ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่

ภายในกุฏิพบ พระครูปิยธรรมพิมล (สมควร เพชรเยียน) ฉายา “ปิยํกุโร” อดีตรองเจ้าคณะอำเภอบางเลน และอดีตเจ้าอาวาสวัดบางปลา มรณภาพอยู่บนเตียงในห้องพัก สภาพสงบเหมือนหลับ ปราศจากร่องรอยการถูกทำร้าย เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากโรคประจำตัว

จากการสอบถามพระลูกวัดและชาวบ้านทราบว่า หลวงพ่อสมควรไม่ได้ออกจากกุฏิตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งช่วงเช้าวันนี้มีผู้มาพบว่าท่านได้ละสังขารแล้ว สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ศิษยานุศิษย์และชาวบ้านเป็นอย่างมาก


ประวัติและคุณูปการของหลวงพ่อสมควร

พระครูปิยธรรมพิมล (สมควร เพชรเยียน) ฉายา ปิยํกุโร เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2513 ที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บรรพชาอุปสมบทและอุทิศตนเพื่อการศึกษาพระธรรมวินัยมาตลอดชีวิต

ท่านเป็น ครูสอนนักธรรม พระอุปัชฌาย์ พระนักพัฒนา และผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการพระพุทธศาสนาในจังหวัดนครปฐม เคยดำรงตำแหน่ง รองเจ้าคณะอำเภอบางเลน และ เจ้าอาวาสวัดบางปลา

หลวงพ่อสมควรได้รับ พระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนาม “พระครูปิยธรรมพิมล” พ.ศ. 2548 และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น เจ้าคณะตำบล ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม เมื่อปี พ.ศ. 2555

ทางด้านการศึกษา ท่านสำเร็จการศึกษาปริญญาโท พุทธศาสตร์มหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และต่อมาได้รับปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต (รป.ด.) จากมหาวิทยาลัยปทุมธานี

ด้วยความอุทิศตนเพื่อพระศาสนาและสังคม ท่านได้รับ รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประจำปี พ.ศ. 2548 และเป็นที่รักและเคารพของชาวบางเลนอย่างกว้างขวาง


หลังจากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนร่างของหลวงพ่อสมควรส่งโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เพื่อผ่าชันสูตรหาสาเหตุการมรณภาพอย่างละเอียด ก่อนจะประกอบพิธีทางศาสนาตามสมณฐานะ

ชาวบ้านต่างกล่าวด้วยน้ำตาว่า

“หลวงพ่อสมควรเป็นพระนักพัฒนา ใจดี มีเมตตา ใครทุกข์เดือดร้อน ท่านไม่เคยนิ่งเฉย… การจากไปครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชุมชนบางปลา”


ภาพ/ข่าว : กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครปฐม