
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับมติคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะที่เป็นผู้ร้อง คดีให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา หรือ หมอเกศ กรณีวุฒิการศึกษา เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงในการลงสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น สว. หนังสือลงวันที่ 18 ก.ค. 2568 โดย กกต.มีมติให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เกศกมล ในความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและคดีอาญา กรณีใช้คำว่า “ศาสตราจารย์” ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี
ทั้งนี้ ตนขอประกาศตรงนี้ มันหมดเวลาของเธอแล้ว คำวินิจฉัยส่งถึงตนเรียบร้อยในฐานะเป็นคนร้อง แต่เดิมทำเป็นจะเอาเรื่องของวุฒิการศึกษาปริญญาเอก แต่ตนมาคัดค้าน ท้ายที่สุดก็ยอมใส่คำว่าศาสตราจารย์ไป ไม่เหลือแล้ว จึงขอเรียกร้อบให้ กกต.ให้ส่งเรื่องของ น.ส.เกศกมล ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งภายในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เนื่องจากไม่มีเหตุให้ดึงเรื่อง เพราะได้ส่งคำวินิจฉัยไปให้ตน และได้รับเอกสารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงหวังว่าคดีดังกล่าวจะส่งเรื่องไปให้ศาลพิจารณาต่อในวันศุกร์นี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการพิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา ตามมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77 (4) ของกฎหมายเดียวกัน
จากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก California University ในการยื่นสมัคร สว. ตามที่ สำนักงาน กกต.โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง california university เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย