
นางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า “หอยแครง” ถือเป็นหอยสองฝาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นอาหารทะเลยอดนิยมที่มีราคาจำหน่ายสูงถึงกิโลกรัมละ 120–150 บาท เกษตรกรนิยมเลี้ยงในพื้นที่ชายฝั่ง โดยเก็บลูกพันธุ์จากธรรมชาติมาหว่านเลี้ยง ใช้เวลา 1–2 ปีจึงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ สร้างรายได้มหาศาลให้ชาวประมงชายฝั่ง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปริมาณลูกพันธุ์หอยแครงในธรรมชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการจับลูกพันธุ์มากเกินไป และสภาพแวดล้อมชายฝั่งที่เสื่อมโทรม ส่งผลให้ผลผลิตลดลงกว่า 28% ภายใน 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบันไทยต้องนำเข้าลูกพันธุ์หอยแครงกว่า 140.4 ตันต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร

อธิบดีกรมประมงกล่าวว่า กรมประมงได้เริ่มงานวิจัยเพาะพันธุ์หอยแครงครั้งแรกตั้งแต่ปี 2530 โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ และปี 2568 นี้ กรมได้มอบหมายให้ศูนย์ดังกล่าวฟื้นฟูงานวิจัยอีกครั้ง เพื่อผลิตลูกพันธุ์ทดแทนจากธรรมชาติให้ยั่งยืน
ผลการดำเนินงานล่าสุด ศูนย์ฯ สามารถผลิตลูกหอยได้ 2 รุ่น
- รุ่นที่ 1: ลูกหอยขนาด 1 มิลลิเมตร จำนวน 800,000 ตัว มีอัตรารอดราว 15%
- รุ่นที่ 2: ลูกหอยแรกฟัก 59 ล้านตัว ปัจจุบันอายุ 10 วัน เหลือรอดกว่า 19 ล้านตัว อยู่ระหว่างการอนุบาลในโรงเพาะฟัก

ทั้งนี้ ลูกหอยขนาด 1 มิลลิเมตร จำนวน 200,000 ตัว ถูกนำมาทดลองอนุบาลในถาดไฟเบอร์กลาสที่ปูพื้นด้วยเลน ใช้น้ำจากบ่อเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลหมุนเวียนตลอดเวลา เพื่อเลียนแบบสภาพธรรมชาติ และช่วยลดต้นทุนแพลงก์ตอน ผลการทดลอง 4 สัปดาห์ให้ผลน่าพอใจ ได้ลูกหอยขนาด 3–10 มิลลิเมตร จำนวน 160,000 ตัว หรือมีอัตรารอดเฉลี่ยสูงถึง 83.89%
ลูกพันธุ์ชุดนี้จะถูกส่งต่อไปยังศูนย์วิจัยฯ สุราษฎร์ธานี เพื่อทดสอบการเลี้ยงในบ่อดิน ศึกษาขนาดและช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการปล่อยเลี้ยง เพื่อเพิ่มอัตราการรอดและการเจริญเติบโตในระดับฟาร์ม

นางฐิติพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมประมงได้มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเร่งต่อยอดงานวิจัยในหลายด้าน ทั้งการขุนพ่อแม่พันธุ์ การควบคุมคุณภาพน้ำ และการศึกษาปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการเติบโตของหอยแครง โดยจะบูรณาการความร่วมมือกับศูนย์วิจัยฯ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และสงขลา เพื่อปรับเทคนิคให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ชายฝั่ง
“การฟื้นงานวิจัยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อเพิ่มผลผลิตเท่านั้น แต่คือการสร้างแหล่งพันธุ์หอยแครงอย่างยั่งยืน คืนความสมดุลให้ชายฝั่ง และสร้างอาชีพมั่นคงให้เกษตรกรชายทะเลไทย” อธิบดีกรมประมงกล่าว


