ไฟในสีกากี! “บิ๊กเต่า”โวยจัดโผตำรวจไม่เป็นธรรมฉะระบบอุปถัมภ์โค่นคุณธรรม

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม  จากกรณีเอกสารของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หรือ บิ๊กเต่า ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจและกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจประจำปี 2568 เผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ต่างๆ

รายละเอียดหนังสือ มีใจความว่า “ข้าพเจ้า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับการประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบช. ประเภทตำแหน่งทั่วไป ให้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นผู้บัญชาการ โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำร่างหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาแต่งตั้งฯ โดยให้ทุกหน่วยงานร่วมกันได้แสดงความคิดเห็น และมีหนังสือตามสิ่งที่ส่งด้วย 2 กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อใช้ประกอบการจัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเพื่อจัดลำดับผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรูปธรรมตรวจสอบได้และเป็นมาตรฐานเดียวกัน

โดยหลักเกณฑ์นี้มุ่งหวังให้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้สามารถพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และเสียสละ ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และการบริหารราชการขององค์กร ตลอดจนประชาชนและสังคมต่อไป เป็นไปตามเจตนารมณ์เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่วางหลักประกันไว้ว่า ข้าราชการตำรวจจะได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้าย การพิจารณาบำเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรมที่ชัดเจนการพิจารณาแต่งตั้ง และโยกย้ายต้องคำนึงถึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ข้าราชการตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคคลใด มีประสิทธิภาพและภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตน และตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3 กำหนดให้ข้าราชการตำรวจผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกนายจัดทำผลการปฏิบัติงาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและประกอบการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้ง ของคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร.

แต่ต่อมาตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 4 ผบ.ตร.มีบันทึกมอบหมายให้ สกพ.แจ้งหน่วยต่างๆ ชะลอการดำเนินการใช้หลักเกณฑ์ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 โดยให้เหตุผลในทำนองว่า มีกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างกระชั้นชิด ซึ่งจะต้องมีการสัมภาษณ์ผู้รับการประเมินในรูปคณะกรรมการ รวมถึงมีผู้ที่มีคุณสมบัติที่ที่จะต้องเข้ารับการสัมภาษณ์เป็นจำนวนมาก อาจส่งผลให้ไม่เกิดความละเอียดรอบคอบ และอาจกระทบต่อการพิจารณาจัดทำผู้เหมาะสมในภาพรวมได้

ต่อมาข้าพเจ้าได้รับทราบจากสื่อมวลชนและข่าวสารภายในของข้าราชการตำรวจว่าคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร.ที่มี ผบ.ตร.เป็นประธาน ได้ร่วมกันประชุมพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.และ จตช.ลงมาถึง ผบก. และมีข้าราชการตำรวจจำนวนหลายนาย ไม่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชนและสังคม อย่างชัดแจ้งกว่านายอื่น ได้รับการพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น หรือสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปสู่ตำแหน่งที่ดีขึ้น เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ให้ความเห็นชอบ

ซึ่งบางนายเมินเฉยต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามยาเสพติดและการจัดการผู้มีอิทธิพล ย่อมเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า การพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามอำเภอใจใช้ดุลยพินิจไม่ชอบ ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม ขาดความเสมอภาค ไม่สมเหตุสมผล และเลือกปฏิบัติเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่ไม่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชนและสังคม ได้รับการพิจารณาคัดเลือก และแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นหรือสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปสู่ตำแหน่งที่ดีกว่าเดิม

การกระทำดังกล่าว จึงขัดหรือแย้งกับเจตนารมณ์เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 เป็นอย่างยิ่ง เสมือนเป็นระบบอุปถัมภ์เชิงผลประโยชน์ นอกจากนี้ยังทราบว่า ในระดับรองผู้บัญชาการที่ดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามเกณฑ์ ซึ่งมีจำนวน 38 นายคิดเป็นร้อยละ 45 ของผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และต้องมีสิทธิได้รับการพิจารณาในสัดส่วนของผู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่กลับถูกตัดออก ไม่ได้นำผลการปฏิบัติงานมาประกอบการพิจารณา แต่อย่างใด

ข้าพเจ้าตระหนักดีกว่า คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม เพื่อให้ข้าราชการตำรวจมีความภาคภูมิใจ และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเที่ยงธรรม

หากการพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้และสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทกคนที่มุ่งมันสร้างผลงานที่มีคุณค่า ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรมีกำลังพลที่มีคุณภาพและความสามสามารถ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ในทางกลับกันหากพิจารณาเพียงระบบอาวุโส หรือระยะเวลาการดำรงตำแหน่งเป็นหลักเพียงอย่างเดียว โดยละเลยความรู้ความสามารถและผลการปฏิบัติที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ ย่อมจะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานหมดขวัญกำลังใจในการทำงาน ซึ่งในระยะยาวอาจบั่นทอนประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร และทำให้เจตนารมณ์ในการปฏิรูปตำรวจไม่สัมสัมฤทธิ์ผลได้

หนังสือขอความเป็นธรรมฉบับนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการร้องขอในนามส่วนตัว แต่เป็นการยื่นเรื่องที่ตั้งอยู่บนหลักการอันชอบธรรม เพื่อปกป้องเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และส่งเสริมระบบคุณธรรมที่ถูกบัญญัติไว้ จึงขอให้คณะกรรมการข้าราราชการตำรวจ(ก.ตร.) โปรดพิจารณาดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมาย กฎ ระเบียบและคำสั่งที่กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรไว้อย่างเคร่งครัด โดยให้โอกาสข้าราชการตำรวจทุกนายที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และมีผลการปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชน และสังคมซึ่งเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดแจ้ง ได้รับการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม อันจะส่งเสริมกำลังใจและประสิทธิภาพการทำงานขององศ์กรตำรตำรวจโดยรวมต่อไป”