
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่งจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย จากนั้นเสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปยังบ้านปูนะ อำเภอแม่ฟ้าหลวง ทรงเยี่ยมราษฎร และทอดพระเนตรความก้าวหน้า โครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกชาน้ำมัน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผานมา
โครงการดังกล่าว มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมส่งเสริมราษฎรติดแนวชายแดน 403 ครอบครัวของหมู่บ้านปูนะ และหมู่บ้านปางมะหัน ให้มีอาชีพที่มั่นคงโดยปลูกต้นชาน้ำมันในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม 2,010 ไร่ โดยในปีที่ผ่านมา เน้นการคัดชาน้ำมันที่มีลักษณะดีและทดลองปลูกชาน้ำมันดอกแดงและต้นชาดอกขาว โครงการยังได้จัดสรรพื้นที่ป่าใช้สอยให้ดูแลครอบครัวละ 2 ไร่ พร้อมๆ กับการส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาหลากหลาย ได้แก่ เกษตรกรรม เช่น ข้าวไร่ ฟักทอง ชาอัสสัม ปศุสัตว์ และหัตถกรรม

จากนั้น เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรศูนย์หัตถกรรมชุมชน ซึ่งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ฯ รับสนองพระราชดำริพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างครบวงจร และเพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและสร้างอาชีพเสริมให้แก่ราษฎร โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ นำธุรกิจเพื่อสังคมแบรนด์ดอยตุงเป็นผู้ฝึกอบรมและออกแบบผลิตภัณฑ์ ฝึกอบรมให้ราษฎรเย็บจักรได้ตามมาตรฐานพร้อมกับจ้างงานกลุ่มสตรีในชุมชน

ต่อมา เสด็จฯ ไปยังโรงเรียนสังวาลย์วิท 8 อำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยงบประมาณจากกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จำนวน 2,605,524 บาท เพื่อก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารประกอบต่าง โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดป้ายอาคารเรียน เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2534 และได้พระราชทานชื่อโรงเรียนแห่งนี้ว่าโรงเรียนสังวาลย์วิท 8 ซึ่งปัจจุบัน สังกัด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 เปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นเด็กก่อนวัยเรียน ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 132 คน นักเรียนชาย 72 คน นักเรียนหญิง 60 คน พระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติ ตลอดจนสิ่งของ เครื่องเขียน พันธุ์ไม้ผลมะม่วงพันธุ์แก้วขมิ้น แก่ผู้แทนราษฎรและผู้ปฏิบัติงาน ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะกรรมการหมู่บ้านและคณะกรรมการสถานศึกษา ทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก ตลอดจนทอดพระเนตรกิจกรรมส่งเสริมอาชีพและโครงการต่าง ๆ จากนั้น เสด็จฯ ไปยัง พระตำหนักดอยตุง ทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครั้งที่ 2/2568 และประทับแรม ณ พระตำหนักดอยตุง

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย เพื่อทรงติดตามงานด้านการพัฒนาสภาพแวดล้อมและป่าเศรษฐกิจ และในโอกาสเดียวกันนี้ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการดำเนินงานของศูนย์แยกขยะชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ฟ้าหลวง ซึ่งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ฟ้าหลวง และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พัฒนาขึ้นเป็นต้นแบบการบริหารจัดการขยะในระดับท้องถิ่น ตามแนวทาง “Zero Waste to Landfill” หรือแนวคิดการหยุดยั้งขยะไปหลุมฝังกลบ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ฯได้ศึกษาวิจัยและทดลอง จนนำมาสู่การพัฒนาโครงการต้นแบบที่ปัจจุบันรวบรวมและคัดแยกขยะครอบคลุม 24 หมู่บ้านและ 8 โรงเรียนในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ

ศูนย์แยกขยะชุมชนมุ่งให้สมาชิกมีส่วนร่วมโดยง่ายในทุกขั้นตอน อบต. บริหารจัดการเองทั้งระบบ เริ่มจากคัดแยกขยะของชุมชนจากที่บ้าน ทำให้ปัจจุบันประสบความสำเร็จ ไม่มีขยะเหลือไปสู่บ่อฝังกลบ ในขณะเดียวกันร้อยละ 40 ของขยะยังได้นำไปใช้ประโยชน์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยและนวัตกรรมเพิ่มมูลค่า เช่นการทำบล็อกปูพื้นจากเศษกระจก รีไซเคิลกล่องนม ขวดแก้ว จึงทำให้การจัดการขยะในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 973 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับป่า 1,024 ไร่ จากนั้น เสด็จฯ ไปยังแปลงป่าเศรษฐกิจ ทอดพระเนตรต้นแมคคาเดเมียที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงปลูกไว้เมื่อปีพุทธศักราช 2532 เป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกป่าบนดอยตุงเมื่อ 36 ปีที่ผ่านมา

แปลงแมคคาเดเมียดังกล่าวดำเนินการภายใต้ชื่อบริษัทนวุติ ซึ่งเป็นธุรกิจเพื่อสังคมในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ โดยมีผู้ถือหุ้นปัจจุบันของบริษัทนวุติร่วมรับเสด็จฯ ได้แก่ มิตซุยแอนด์คัมปนี (ไทยแลนด์) – สุมิโตะโมะ มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น – บริษัทเอื้อชูเกียรติ และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งรวมตัวกันเพื่อใช้ป่าเศรษฐกิจเป็นฐานสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชนทดแทนพืชเสพติดและแก้ไขปัญหาเขาหัวโล้น ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในการ “ปลูกป่า ปลูกคน” และปกป้อง “ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์”

ป่าเศรษฐกิจกลายเป็นพื้นฐานให้ประชาชนบนดอยตุงประมาณ 10,000 คน มีความพร้อมและร่วมขยายการปลูกป่าจนครบ 90,000 ไร่ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมและสภาพแวดล้อมในระยะยาว ป่าที่สมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพบนดอยตุงได้รับการรับรองว่าผลิต 419,000 ตันคาร์บอนได้ออกไซด์เทียบเท่า และนอกจากนี้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ฯ ยังได้นำประสบการณ์ไปร่วมพัฒนาป่าร่วมกับราชการ เอกชน และชุมชนทั่วประเทศครอบคลุมพื้นที่ 536,169 ไร่ในปัจจุบัน
