
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว คือ ปัจจัยที่กดดันให้ เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ซึ่งเราประเมินว่า หากตลาดยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) จากปัจจัยความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เงินบาทก็เสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้านแถว 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ได้ ทำให้ ต้องจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ว่ายังคงขายสุทธิสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของฟันด์โฟลว์ในฝั่งตลาดหุ้น ซึ่งอาจได้รับอานิสงส์จากข่าวการเลือกตั้งได้บ้าง
ในระยะสั้น เรามองว่า ปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อเงินบาทในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ คือ รายงานการประชุมเฟดล่าสุด, รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
อย่างไรก็ดี แม้เราประเมินว่า เงินบาทอาจผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านดังกล่าวได้ ทว่า เราเริ่มเห็นสัญญาณการขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดที่เป็นฝั่ง Long USDTHB (เชื่อว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง) โดยเฉพาะในช่วงโซน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ ในมุมมองของผู้เล่นในตลาดก็อาจไมอยากเพิ่มสถานะดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจาก Risk-Reward อาจเริ่มไม่คุ้ม ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้ จะไม่รุนแรง ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้เผชิญปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าใหม่ๆ นอกเหนือจากสิ่งที่ตลาดกำลังกังวล
อนึ่ง ความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.80 บาท/ดอลลาร์