“บิ๊กโจ๊ก”บินด่วนแก้ปัญหาวัดหลวงพ่อเงินบางคลานที่เรื้อรังมานับ 10 ปี

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ นางเพ็ญรวี  มาแสง  รองอธิบดีกรมบังคับคดี , พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , นายชิตชัย สุทธิภูล ผู้อำนวยการกองบังคับคดี ล้มละลาย ,  นายสมบัติ  พิมพ์สอน  ผู้ตรวจราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , นายเชิดศักดิ์ ทองหนัน ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ลงจอดที่หน้า สภ.โพทะเล โดยมี  นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าฯ พิจิตร , พล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.ภ.จว.พิจิตร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดพิจิตรรอให้การต้อนรับ

จากนั้น ทั้งหมดได้เดินทางเข้าไปภายในวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน (วัดหลวงพ่อเงิน) ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร  โดยมีกำลังตำรวจประมาณ 150 นาย ดูแลรักษาความเรียบร้อย เมื่อเดินเข้าประตูวัดบางคลาน “บิ๊กโจ๊ก” ก็ถึงกับงงเมื่อเจอ นายกิตติศักดิ์  รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา แต่งเครื่องแบบเต็มยกอย่างเท่ ยืนปะปนอยู่กับมวลชนที่เป็นฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาสและเป็นกลุ่มที่เข้ายึดวัดมาตั้งแต่วันที่  6 เม.ย. 66  โดยไม่ยอมให้ พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานองค์ปัจจุบันเข้าวัด ทั้งที่วันนี้เป็นวันประชุมสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่ง สว.กิตติศักดิ์ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นห่วงชาวบ้านกลุ่มนี้มากกว่าจึงไม่ได้เข้าประชุมร่วมรัฐสภา เพราะขาดตนเองเพียงแค่เสียงเดียวการโหวตนายกก็ทำกันได้

ทั้วนี้ “บิ๊กโจ๊ก” ได้เดินไปถึงกุฏิไม้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหา เนื่องจากเป็นกุฏิของอดีตเจ้าอาวาสที่ต่างฝ่ายต่างบอกว่ามีทรัพย์สิน มีวัตถุมงคล มีวัตถุโบราณและงาช้าง ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเงินยังไม่มรณภาพ จะต้องตรวจสอบจึงได้ดำเนินการเรียกตัวแทนของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสและฝ่ายราชการ คือ สำนักงานบังคับคดี และ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่ไม่มีชื่อของ สว.กิตติศักดิ์ ในการร่วมตรวจทรัพย์สินเพราะไม่ใช่คู่ความหรือคู่กรณีกัน ทำให้ สว.กิตติศักดิ์ ซึ่งแต่งเครื่องแบบเต็มยศอย่างเท่ต้องนั่งรออยู่ด้านล่างนานเกือบ 2 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก”ตรวจสอบเสร็จสิ้นก็ลงมาใช้โทรโข่งประกาศให้ทุกฝ่ายทราบว่า ทรัพย์สินจำนวน 116 รายการ อยู่ครบ จากนั้นก็ให้ตัวแทนของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสร่วมกันไปเปิดกุฏิ 3 ฤดู ซึ่งเป็นกุฏิของเจ้าอาวาสที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึดและใส่กุญแจให้เปิดเพื่อให้เจ้าอาวาสได้เข้าใช้กุฏิของตน และยังได้ไปเปิดทุกจุดที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึด

จากนั้น ก็เรียกชาวบ้านฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาสประมาณ 200 คน ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองเป็นทีมเดียวกันให้ได้เข้าใจว่า “บิ๊กโจ๊ก” มาเพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมายและเป็นคนกลางเจรจา ซึ่งยืนยันว่าหลังจากนี้  พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานที่ได้รับแต่งตั้งถูกกฎหมายของคณะสงฆ์จะต้องเข้าวัดได้ และทำหน้าที่บริหารกิจการงานของวัด โดยวัดจะต้องเปิด-ปิด ตามเวลาที่กำหนด บุคคลภายนอกที่ไม่ข้องเกี่ยวจะเข้ามาปักหลักกินอยู่หลับนอนภายในวัดไม่ได้ แต่จะให้มีตัวแทนทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายอยู่ภายในวัด แต่ฝ่ายชาวบ้านต่อรองว่าจะขอตัวแทน ฝ่ายของลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสจำนวน 10 คน ให้สามารถอยู่นอนใต้ถุนกุฏิไม้ที่มีทรัพย์สินของอดีตเจ้าอาวาสและของหลวงพ่อเงินซึ่งอยู่บนกุฏิเพราะเกรงว่าฝ่ายเจ้าอาวาสจะเอาทรัพย์สินไป ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจากันต่อหน้า “บิ๊กโจ๊ก” ว่าให้เป็นไปตามนั้น

ขณะที่ เรื่องทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยดีใช้เวลาเจรจากว่า4 ชั่วโมง ในการตรวจสอบทรัพย์สินเจรจาพูดคุย จะกระทั่งเวลา 16.30 น.   “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางออกจากประตูวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน แต่พอ “บิ๊กโจ๊ก” คล้อยหลังไปเท่านั้น กลุ่มชาวบ้านก็ยังคงปักหลักอยู่เหมือนเดิมและมี สว.กิตติศักดิ์ ร่วมวงอยู่ด้วย จนในที่สุดพระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน และคณะกรรมการวัด รวมถึงทนายความฝ่ายกฎหมายของวัดที่มีเพียงไม่ถึง 10 คน ดูแล้วสถานการณ์ไม่ดีไม่น่าจะปลอดภัย ก็ต้องขับรถออกจากวัดมาด้วยเช่นกัน โดยสรุปสถานการณ์ของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

ทีมข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดพิจิตร

Message us

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว