มหาดไทยระดมสมองเพิ่มประสิทธิภาพเฝ้าระวังสาธารภัยพื้นที่อีสานใต้

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่ (จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ) โดยมี น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายอนุพงศ์ สุขสมนิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ กว่า 4,000 คน ร่วมรับฟัง ณ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

นายอนุทิน กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่เราให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการรับมือกับภัยพิบัติในทุกมิติเป็นพิเศษ เพื่อให้เท่าทันต่อสถานการณ์ของโลกทุกวันนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ “น้ำท่วม” และภัยจากความขัดแย้งกรณีข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ พื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด (อุบลฯ-อำนาจเจริญ- ศรีสะเกษ-ยโสธร) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า “แอ่งโคราช” มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ซึ่งในช่วงฤดูฝนที่เกิดฝนตกหนักอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วม จึงต้องบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันป้องกันและบรรเทาภัยให้เต็ม ส่วนหน่วยงานของมหาดไทยที่จะต้องดูแลพื้นที่ ต้องมีการจัดการไม่ให้มีสิ่งกีดขวางทางไหลของน้ำ อำนวยความสะดวกการจัดการน้ำของกรมชลประทาน ป้องกันน้ำเอ่อท่วมพื้นที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันทำงานเชิงรุก จริงจัง ให้ความสำคัญกับการป้องกันฝากให้ท่านผู้ว่าฯ ทั้ง 4 จังหวัดวางแผนรับมือน้ำให้สอดประสานกัน และขณะนี้กระทรวงมหาดไทยก็ได้เตรียมเงินเยียวยาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและตอบแทนในความเสียสละให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้สละพื้นที่ทางการเกษต รเพื่อเป็นพื้นที่พักน้ำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมด้วย

สำหรับ ภารกิจการป้องกันแนวชายแดนจากกรณีพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้สั่งการให้ท่านผู้ว่าฯ นายอำเภอในเขตจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา เร่งสำรวจสภาพของหลุมหลบภัย และซ่อมบำรุง พร้อมจัดทำเพิ่มเติมให้ครอบคลุมรองรับสถานการณ์ พร้อมเป็นแนวหลัง หนุนแนวหน้า ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยไม่ให้เสียไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ส่วนผู้นำทุกชุมชนซึ่งอยู่ใกล้ชิดประชาชนนั้นต้องให้ความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัย สร้างความตระหนักในการทำหน้าที่ป้องแผ่นดินบ้านเมือง ตามวิสัยทัศน์ของท่านนายกรัฐมนตรีที่ว่า “มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว”

อย่างไรก็ตาม การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ มีการร่วมเสวนาในหัวข้อ “การเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่” โดยภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่าง ๆ และมีการนำเสนอการคาดการณ์สถานการณ์น้ำ แอปพลิเคชัน Thai Disaster Alert ในการรองรับสถานการณ์อุทกภัย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน และเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติอย่าง “ทัน ท่วง ที”

Message us