เร่งปราบทุนต่างชาติใช้คนไทยเป็นนอมินีสวมปลูกสวนทุเรียน

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งตรวจสอบบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นกรณีที่ประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ว่ามีพฤติกรรมที่ใช้คนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) เพื่อเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (กันยายน 2567-พฤษภาคม 2568) ได้มีการดำเนินคดีกับบริษัทและผู้ถือหุ้นที่กระทำความผิด 861 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 15,296.60 ล้านบาท

ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ได้รับรายงานจาก ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ว่า ได้ลงพื้นที่ร่วมกับกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อเข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งในเขต อ.มะขาม จ.จันทบุรี บริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนกว่า 1,000 ล้านบาท มีการถือครองที่ดินเกือบ 200 แปลง รวมพื้นที่กว่า 900 ไร่ เพื่อปลูกสวนทุเรียน

โดยจากข้อมูลทางทะเบียน บริษัทดังกล่าวมีสัดส่วนการถือหุ้นคนไทยต่อชาวต่างชาติ 53 : 47 จึงถือว่าเป็นบริษัทไทย แต่เนื่องจากการทำนา ทำไร่ หรือทำสวน เป็นธุรกิจต้องห้ามไม่ให้คนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด เพื่อสงวนไว้ให้คนไทย อีกทั้งเป็นธุรกิจที่มีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจด้วย กรณีนี้จึงต้องมีการตรวจสอบว่าการถือหุ้นในสัดส่วนของคนไทยนั้นเป็นการถือหุ้นที่แท้จริงหรือไม่ หรือเป็นนอมินี

ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่และจากพนักงานบริษัท พร้อมทั้งมีหนังสือสั่งการให้บริษัทและผู้ถือหุ้นชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยละเอียด หากพบว่ามีการกระทำการที่เข้าข่ายผิดกฎหมายก็จะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด ทั้งนี้การปฏิบัติการร่วมในครั้งนี้มาจากความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการถือครองที่ดิน ภายใต้ MOU ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมที่ดิน

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวน แสวงหาข้อเท็จจริง และจับกุมปราบปรามกลุ่มทุนต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และขอเตือนคนไทยที่ยินยอมให้ชาวต่างชาติเอาชื่อของตนไปใช้ในการประกอบธุรกิจ ถ้าคิดจะทำหรือกำลังทำอยู่ก็ให้หยุดเสีย เพราะปัญหาที่ตามมาจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด อาจถูกดำเนินคดีข้อหาให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลจะสั่งให้เลิกการถือหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนนั้น หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน

นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอต่อ ปปง. ให้การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งจะทำให้สามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สินของบริษัทและของผู้ถือหุ้น ทั้งชาวต่างชาติและคนไทย ที่กระทำความผิดตามกฎหมายฉบับนี้ได้ต่อไป

Message us