พรรคเพื่อชาติพลิกโฉม “เพื่อชาติ(นี้) ไม่ต้องรอชาติหน้า”ลุยแก้เหลื่อมล้ำ

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565 พรรคเพื่อชาติได้จัดงานเปิดตัว พรรคเพื่อชาติโฉมใหม่ “เพื่อชาติ(นี้) ไม่ต้องรอชาติหน้า” ณ หอประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 5 พันคน จากทั่วประเทศ

ทั้งนี้มีการเปิดตัวคณะกรรมการบริหารพรรคฯ และทีมยุทธศาสตร์ ‘ทีมทำเพื่อชาติ’ ชุดใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการรวมตัวของผู้มีประสบการณ์ ทางการเมืองหลายท่าน ผนึกกำลังกับคนรุ่นใหม่จากหลายความเชี่ยวชาญ นำทัพโดย ‘ฮาย’ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรค ที่มีดีกรีไม่ธรรมดาและเป็นที่รู้จักในวงการกีฬา เป็นอย่างดีในฐานะ ‘ประธานฮาย’ แห่ง สโมสร เชียงราย ยูไนเต็ด ที่มาพร้อมแนวคิด ปฏิรูปการศึกษาไทย โดยพรรคเพื่อชาติเชื่อว่า รากฐานความรู้คือพลังที่สำคัญ ต่อการสร้างชาติ

‘ฮาย’กล่าวในงานว่าตนอาสามาทำงานตรงนี้และได้รับความไว้วางใจจากพรรค เป็นเอกฉันท์ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงจากโครงสร้างในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด

ฮายกล่าวว่า การเกิดเป็นลูกนักการเมืองมีความกดดันหลายด้าน ถึงอย่างนั้น ตนเองก็ยังมีความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงสร้างความแตกต่างสร้าง วัฒนธรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในแวดวงการเมือง

“พรรคเพื่อชาติเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือการเปลี่ยนจากภายใน ก้าวไปสู่ยุคใหม่ อย่างกล้าหาญและสง่างาม การทำงานของพรรคใช้หลักการ Design thinking เพื่อเชื่อมโยงผู้คน, ทำความเข้าใจต้นตอของปัญหาจากประชาชน สร้างการมีส่วนร่วม บอกเล่าสถานการณ์ปัญหาด้วยตนเอง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขร่วมกัน โดยไม่มีมีการเลือกปฏิบัติและคำนึงถึงความหลากหลายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ ศาสนา ความเชื่อ สถานะทางสังคม และสถานะการศึกษา” ฮายกล่าว

ประเด็นที่ทางพรรคให้ความสำคัญที่สุดประเด็นหนึ่ง คือ นโยบายการศึกษา ฮายย้ำว่า “การแก้ไขปัญหาการศึกษาอย่างตรงจุดจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ จะเป็นการติดอาวุธทางปัญญาและจะผลักดันขีดความสามารถของคนในชาติได้อย่าง แน่นอน”

“ตอนนี้เรื่องความรุนแรงในสังคมที่เกิดขึ้น นับเป็นปัญหาเร่งด่วนไม่แพ้กัน กับการศึกษา แต่ฮายเชื่อว่าเป็นงานคู่ขนานที่สามารถทำไปด้วยกันได้ การเติมช่องว่าง ของการศึกษาจะทำให้คนอยู่ดีมีสุข สร้างสร้างทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นกับ คนในชาติ จะส่งผลให้ลดความเครียด ลดความขัดแย้ง ลดความรุนแรงได้แน่นอน” ฮาย กล่าวทิ้งท้าย

ไฮไลท์สำคัญอีกอย่างคือ การเปิดตัวทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ ชุดใหม่ในนาม ‘ทีมทำเพื่อชาติ’ ที่ขนทัพคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงต่าง ๆ ของสังคม  และผู้มากประสบการณ์ในด้านต่างๆ เพื่อเข้ามาทำงาน และขับเคลื่อน นโยบายทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่ความเท่าเทียม เศรษฐกิจที่เป็นธรรม ตลอดจนวิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ทำให้มั่นใจได้ว่านโยบายพรรคเพื่อชาติ จะมีความครบเครื่อง พร้อมแก้ปัญหาของประเทศอย่างตรงประเด็น นำทีมโดย อาจารย์จา ร้อยเอก ดร จารุพล เรืองสุวรรณ อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ชุดใหม่

พร้อมด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในหลายด้าน เช่น ปวีย์ภัทร วัฒนศิริเศรษฐ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของธุรกิจ SME จากชลบุรี  ณิกษ์ อนุมานราชธน บาร์เทนเดอร์ และเจ้าของบาร์ชื่อดัง, พลอยนภัส โจววณิชย์ ผู้ทำงานวิชาการด้านทรัพยากรมนุษย์, เกศปรียา แก้วแสนเมือง อดีตผู้ประกาศข่าว, เนติภูมิ ริยาพันธุ์  หนุ่มเจ้าของธุรกิจ แดนใต้ รุ่นใหม่ไฟแรง ดร.สคุณพจน์ ธนาโรจน์โสภณ นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ โดยตรงด้านการวิเคราะห์เศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน เสริมทัพด้วยทีมรุ่นเก๋าที่จะใช้ประสบการณ์ตรงมาออกแบบนโยบายอย่างเข้าใจปัญหา ลึกซึ้ง อีกหลายท่าน เช่น พล.ต.ต. ชยุต มารยาทตร์ อดีตผู้การเมืองปทุมธานี ที่จะมาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม นายเทวกฤต พรหมมา อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ รับผิดชอบนโยบายเรื่องการปฏิรูประบบราชการ, นพ. วิชัย ทวีปวรเดช คุณหมอตัวจริงที่รู้ปัญหาระบบการรักษาพยาบาลของไทยเป็นอย่างดี, นายอนิรุท สุจริต ผู้เชี่ยวชาญที่มีบทบาทในการแก้ไขวิกฤติต้มยำกุ้ง สู่ผู้เชี่ยวชาญและรับผิดชอบนโยบายเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สิน, นายเกริกมนตรี รุจโสตถิรพัฒน์ กรรมการบริหารพรรคฯ,  พล.ต. สุวิทย์ วังยาว อดีตข้าราชการทหาร และ ดร. นรินทร์ สายซอ อดีตข้าราชการกรมป่าไม้ ที่จะมารับผิดชอบนโยบาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ปัญหาน้ำ

ปิดท้ายด้วยการขึ้นเวทีของผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและพลังขับเคลื่อนสำคัญในพื้นที่การเมืองไทยหลายยุคสมัย ดร. ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ที่มาพร้อมปาฐกถาพิเศษเรื่อง ‘ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย การเสียโอกาสจาก นโยบายที่ผิดพลาด และอนาคตของประเทศ’

นับว่าการปรับโฉมของพรรคเพื่อชาติครั้งนี้ ยิ่งใหญ่สมที่โฆษณาไว้ รวบรวมคนธรรมดาตัวจริงที่ไม่ธรรมดา อัดแน่นด้วยคุณภาพของทีมงานชุดใหม่ ที่อาสาทำงานรับใช้ประชาชนในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง เรียกได้ว่า ลบภาพพรรค “สำรอง” สู่การเป็นพรรคตัวจริงได้อย่างสวยงาม เชื่อว่าสนามเลือกตั้งครั้งนี้ คนไทยคงละสายตาจากพรรคเพื่อชาติไม่ได้แล้ว

Message us